ประวัติศาสตร์ Valorant: จาก Project A สู่บัลลังก์ Tactical Shooter ระดับโลก

ในวงการเกม FPS ที่มีการแข่งขันสูง การจะแจ้งเกิดเกมใหม่ที่สามารถท้าชิงบัลลังก์กับยักษ์ใหญ่ที่ครองตลาดมานานนับสิบปีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ Riot Games ผู้สร้าง League of Legends ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาสามารถทำได้กับ Valorant เกมยิงปืนเชิงกลยุทธ์แบบ 5v5 ที่ผสมผสานความแม่นยำของเกม Tactical Shooter เข้ากับความสามารถเฉพาะตัวของเหล่าเอเจนท์ได้อย่างลงตัว บทความนี้จะพาทุกท่านย้อนรอยเส้นทางประวัติศาสตร์ของ Valorant ตั้งแต่ยังเป็นโปรเจกต์ลับ สู่การเป็นหนึ่งในเกมอีสปอร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน

จุดเริ่มต้นภายใต้รหัสลับ "Project A"

เรื่องราวของ Valorant เริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบๆ ในปี 2014 ภายในสตูดิโอของ Riot Games ทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) ได้เริ่มก่อร่างสร้างแนวคิดเกม FPS เกมแรกของบริษัทขึ้นมา โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือการสร้างเกมยิงเชิงกลยุทธ์ที่แก้ปัญหาที่ผู้เล่นในแนวนี้ต้องเผชิญมานาน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการโกง (Cheater), ปัญหา "Peeker's Advantage" (ความได้เปรียบของผู้ที่โผล่ออกไปยิงก่อน) และความต้องการเซิร์ฟเวอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง (Tick Rate 128)

โปรเจกต์นี้ถูกเก็บเป็นความลับสุดยอดภายใต้ชื่อรหัสว่า "Project A" โดยมีหัวเรือใหญ่คือ Joe Ziegler ในตำแหน่ง Game Director และ Anna Donlon ในตำแหน่ง Executive Producer ทีมงานได้นำแรงบันดาลใจจากเกมระดับตำนานอย่าง Counter-Strike มาเป็นแกนหลักในด้าน Gunplay ที่เน้นความแม่นยำและการควบคุมปืน แต่ในขณะเดียวกันก็ได้เพิ่มมิติใหม่เข้าไปด้วยการสร้างตัวละครที่เรียกว่า "เอเจนท์" ซึ่งแต่ละคนจะมีสกิลเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป ทำให้เกิดชั้นเชิงทางกลยุทธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

การเปิดตัวที่สั่นสะเทือนวงการ

หลังจากพัฒนามานานหลายปี ในที่สุด Riot Games ก็ได้เผยโฉม "Project A" ให้โลกได้เห็นเป็นครั้งแรกในงานฉลองครบรอบ 10 ปีของ League of Legends ในเดือนตุลาคม 2019 แม้จะเป็นเพียงคลิปสั้นๆ แต่ก็สร้างความฮือฮาและกระแสความคาดหวังไปทั่วทั้งวงการเกม

ต่อมาในวันที่ 2 มีนาคม 2020 ชื่ออย่างเป็นทางการของเกม "Valorant" ก็ได้รับการเปิดเผย พร้อมกับคลิปเกมเพลย์ "The Round" ที่แสดงให้เห็นถึงรูปแบบการเล่นที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างการยิงที่เฉียบคมและการใช้สกิลอย่างสร้างสรรค์

Closed Beta และปรากฏการณ์บน Twitch

จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ Valorant กลายเป็นที่รู้จักในชั่วข้ามคืนคือช่วง Closed Beta ที่เริ่มขึ้นในวันที่ 7 เมษายน 2020 Riot Games ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่ชาญฉลาดโดยร่วมมือกับแพลตฟอร์มสตรีมมิงอย่าง Twitch ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมทดสอบเกมจะต้องเชื่อมต่อบัญชี Riot กับ Twitch และรับชมสตรีมเมอร์ที่กำลังเล่น Valorant เพื่อลุ้นรับสิทธิ์เข้าเล่น (Beta Key Drops)

กลยุทธ์นี้ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย! ผู้คนนับล้านต่างหลั่งไหลเข้าไปรับชมสตรีมเพื่อหวังจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบ ส่งผลให้ Valorant ทุบสถิติยอดผู้ชมพร้อมกันสูงสุดบน Twitch ด้วยยอดผู้ชมกว่า 1.7 ล้านคน และสร้างสถิติชั่วโมงการรับชมสูงถึง 34 ล้านชั่วโมงภายในวันเดียว ปรากฏการณ์นี้ได้สร้างกระแสความต้องการและความคาดหวังให้กับตัวเกมอย่างมหาศาลก่อนการเปิดตัวจริง

การเปิดตัวอย่างเป็นทางการและเส้นทางสู่อีสปอร์ต

Valorant เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการทั่วโลกในวันที่ 2 มิถุนายน 2020 พร้อมกับการเปิดตัวเอเจนท์ใหม่อย่าง Reyna และแผนที่ Ascent ตัวเกมได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากทั้งผู้เล่นและนักวิจารณ์ โดยได้รับคำชมในด้านเกมเพลย์ที่ลื่นไหล, ระบบป้องกันการโกงที่มีประสิทธิภาพอย่าง Riot Vanguard และความมุ่งมั่นของทีมพัฒนาในการรับฟังความคิดเห็นจากชุมชน

Riot Games ไม่รอช้าที่จะผลักดัน Valorant เข้าสู่แวดวงอีสปอร์ต ในปี 2020 ได้มีการจัดการแข่งขัน "First Strike" เพื่อเป็นการวางรากฐาน และในปี 2021 ก็ได้เปิดตัวทัวร์นาเมนต์ระดับโลกอย่างเป็นทางการในชื่อ Valorant Champions Tour (VCT) ซึ่งเป็นระบบการแข่งขันตลอดทั้งปี แบ่งออกเป็นลีกระดับภูมิภาค (Challengers), การแข่งขันระดับนานาชาติ (Masters) และปิดท้ายด้วยการแข่งขันชิงแชมป์โลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (Champions)

VCT ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและกลายเป็นหนึ่งในลีกอีสปอร์ตที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก สร้างนักกีฬาดาวรุ่งและทีมระดับตำนานขึ้นมามากมาย และยังคงพัฒนารูปแบบการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง เช่น การ переходสู่ระบบแฟรนไชส์ลีกในปี 2023 เพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับวงการ

จาก "Project A" ที่เป็นเพียงแนวคิด สู่การเป็นเกม Tactical Shooter ที่มีผู้เล่นหลายสิบล้านคนและมีวงการอีสปอร์ตระดับโลก Valorant ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จในการนำเสนอสิ่งที่ผู้เล่นต้องการอย่างแท้จริง ด้วยการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง การรับฟังชุมชน และความมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การแข่งขันที่ยุติธรรมที่สุด ทำให้ Valorant สามารถก้าวขึ้นมาครองบัลลังก์ในแนวเกม FPS ได้อย่างสมศักดิ์ศรี และยังคงมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า

บทความอื่นๆ