โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza หรือ Flu) คือโรคติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลันที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แม้ส่วนใหญ่จะหายได้เอง แต่ในบางรายอาจมีอาการรุนแรงและเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อการป้องกันและดูแลตนเองอย่างเหมาะสม

สาเหตุและการติดต่อ
โรคไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza Virus) ซึ่งส่วนใหญ่ที่ระบาดในคนคือ สายพันธุ์ A และ B โดยเชื้อไวรัสเหล่านี้สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้อย่างรวดเร็วผ่านทางละอองฝอยจากการไอ จาม หรือพูดคุย รวมถึงการสัมผัสพื้นผิวหรือสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนแล้วนำมือมาสัมผัสบริเวณใบหน้า ตา จมูก หรือปาก
เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อยู่เสมอ ทำให้สามารถเกิดการระบาดเป็นช่วงๆ ได้ โดยเฉพาะในฤดูฝนและฤดูหนาว
สายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่
-
สายพันธุ์ A: เป็นสายพันธุ์ที่พบได้บ่อยที่สุดและมักมีความรุนแรงกว่าสายพันธุ์อื่น สามารถระบาดในวงกว้างได้ (Pandemic) สายพันธุ์ย่อยที่รู้จักกันดีคือ H1N1 และ H3N2
-
สายพันธุ์ B: มักทำให้เกิดการระบาดตามฤดูกาล มีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์ A แต่ยังคงทำให้เกิดอาการป่วยที่รุนแรงได้โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ แบ่งเป็น 2 ตระกูลคือ Victoria และ Yamagata
-
สายพันธุ์ C: มีอาการไม่รุนแรงและไม่ทำให้เกิดการระบาดใหญ่
อาการเด่นที่แตกต่างจากไข้หวัดธรรมดา
อาการของไข้หวัดใหญ่มักเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรงกว่าไข้หวัดทั่วไป โดยมีอาการที่สังเกตได้ดังนี้
ในบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสียร่วมด้วย โดยเฉพาะในเด็ก
การรักษาและการดูแลตนเอง
โดยส่วนใหญ่ โรคไข้หวัดใหญ่สามารถหายได้เองภายใน 5-7 วัน การรักษาจึงเป็นการดูแลตามอาการเป็นหลัก
-
พักผ่อนให้เพียงพอ: ควรนอนหลับพักผ่อนมากๆ และหลีกเลี่ยงการออกแรงหนัก
-
ดื่มน้ำมากๆ: ควรดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำอุ่นเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ
-
รับประทานอาหารอ่อนๆ: เน้นอาหารที่ย่อยง่ายและมีประโยชน์ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม และผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง
-
ใช้ยาบรรเทาอาการ: สามารถรับประทานยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล และยาอื่นๆ เพื่อบรรเทาอาการไอ เจ็บคอ หรือคัดจมูก (ข้อควรระวัง: ไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะเอง เพราะยาปฏิชีวนะใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย ไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้)
-
ยาต้านไวรัส: ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีอาการรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาให้ยาต้านไวรัสเพื่อลดความรุนแรงและระยะเวลาของโรค
ควรไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการอันตราย เช่น หายใจเร็ว หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก อาเจียนรุนแรง หรือมีอาการซึมลง
การป้องกัน: หัวใจสำคัญของการควบคุมโรค

การป้องกันที่ดีที่สุดคือการลดความเสี่ยงในการรับและแพร่กระจายเชื้อ
-
ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่: เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันโรค ควรฉีดเป็นประจำทุกปี เนื่องจากเชื้อมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อยู่เสมอ โดยวัคซีนจะครอบคลุมเชื้อ 4 สายพันธุ์ที่คาดว่าจะระบาดในปีนั้นๆ (สายพันธุ์ A 2 สายพันธุ์ และ B 2 สายพันธุ์)
-
รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล:
-
ล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ
-
สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่ชุมชนหรือเมื่อมีอาการป่วย
-
หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า
-
หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด: พยายามหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีคนจำนวนมากและอากาศถ่ายเทไม่สะดวก โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาด
-
รักษาระยะห่างจากผู้ป่วย: หากมีผู้ป่วยในบ้าน ควรแยกของใช้ส่วนตัวและรักษาระยะห่างเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้พร้อมต่อสู้กับเชื้อโรคได้อีกทางหนึ่ง |