มะเร็งหัวใจ: โรคร้ายที่พบได้ยาก แต่มีอยู่จริง

เมื่อพูดถึงโรคมะเร็ง คนส่วนใหญ่มักนึกถึงมะเร็งในอวัยวะต่างๆ เช่น ปอด ตับ เต้านม หรือลำไส้ แต่ "มะเร็งหัวใจ" เป็นชื่อที่ไม่ค่อยคุ้นหูนัก เนื่องจากเป็นโรคที่พบได้น้อยมาก อย่างไรก็ตาม โรคนี้มีอยู่จริงและมีความรุนแรงสูง การทำความเข้าใจเกี่ยวกับมะเร็งหัวใจจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้รู้เท่าทันและไม่ละเลยสัญญาณเตือนที่อาจเกิดขึ้น

ทำไมมะเร็งหัวใจจึงพบได้น้อยมาก?

 

สาเหตุสำคัญที่ทำให้มะเร็งซึ่งเกิดจากเซลล์ของหัวใจโดยตรง (มะเร็งปฐมภูมิ) พบได้ยากนั้น มาจากธรรมชาติของเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจเอง โดยเซลล์มะเร็งคือเซลล์ที่แบ่งตัวผิดปกติอย่างควบคุมไม่ได้ แต่เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจจะหยุดการแบ่งตัวตั้งแต่เรายังเป็นทารกและไม่มีการสร้างใหม่หรือผลัดเปลี่ยนตลอดชีวิต เมื่อไม่มีการแบ่งตัว โอกาสที่จะเกิดการกลายพันธุ์จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งจึงต่ำมาก แตกต่างจากเซลล์ในอวัยวะอื่น เช่น ผิวหนังหรือลำไส้ ที่มีการแบ่งตัวและสร้างเซลล์ใหม่อยู่ตลอดเวลา

 

ประเภทของเนื้องอกและมะเร็งหัวใจ

 

เนื้องอกที่เกิดขึ้นในหัวใจสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก:

  1. มะเร็งหัวใจชนิดปฐมภูมิ (Primary Cardiac Tumor): คือเนื้องอกร้าย (มะเร็ง) ที่มีจุดกำเนิดจากเซลล์ภายในหัวใจเองโดยตรง ซึ่งเป็นกรณีที่พบได้น้อยมาก โดยเนื้องอกชนิดร้ายแรงที่พบบ่อยที่สุดคือ "Sarcoma" (มะเร็งเนื้อเยื่ออ่อน) เช่น Angiosarcoma (เกิดจากเซลล์ผนังหลอดเลือด) และ Rhabdomyosarcoma (เกิดจากเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ)

  2. มะเร็งหัวใจชนิดทุติยภูมิ (Secondary or Metastatic Cardiac Tumor): เป็นกรณีที่พบได้บ่อยกว่ามะเร็งปฐมภูมิอย่างมาก โดยเกิดจากเซลล์มะเร็งจากอวัยวะอื่นในร่างกายแพร่กระจายมายังหัวใจ เช่น มะเร็งปอด, มะเร็งเต้านม, มะเร็งหลอดอาหาร หรือมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

ในบทความนี้จะเน้นกล่าวถึงมะเร็งที่เกิดจากตัวหัวใจเอง (Primary Cardiac Tumor)

 

อาการที่อาจเป็นสัญญาณเตือน

 

อาการของมะเร็งหัวใจมักไม่มีความจำเพาะเจาะจง และคล้ายคลึงกับอาการของโรคหัวใจชนิดอื่นๆ ทำให้วินิจฉัยได้ยากในระยะแรก อาการที่อาจพบได้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและขนาดของก้อนเนื้องอก ได้แก่:

  • อาการจากภาวะหัวใจล้มเหลว: เหนื่อยง่าย หายใจลำบากโดยเฉพาะเวลานอนราบ ขาหรือเท้าบวม

  • เจ็บหรือแน่นหน้าอก: คล้ายอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจ

  • หัวใจเต้นผิดจังหวะ: อาจมีอาการใจสั่น หรือรู้สึกหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

  • อาการจากการอุดกั้นการไหลเวียนเลือด: หากก้อนเนื้องอกไปขัดขวางการทำงานของลิ้นหัวใจหรือการไหลเวียนเลือด อาจทำให้เป็นลมหรือหมดสติได้

  • อาการทั่วไปของโรคมะเร็ง: มีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

  • อาการจากการกดเบียดของก้อนมะเร็ง: อาจทำให้หน้าบวม คอบวม หรือหลอดเลือดดำที่คอโป่ง

 

การวินิจฉัยและการรักษา

การวินิจฉัย: เนื่องจากอาการไม่จำเพาะ แพทย์มักวินิจฉัยมะเร็งหัวใจได้จากการตรวจหาโรคหัวใจอื่นๆ การตรวจที่สำคัญที่สุดคือ การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (Echocardiogram) ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นภาพของก้อนเนื้องอกในหัวใจได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ อาจมีการตรวจเพิ่มเติมด้วย CT Scan หรือ MRI เพื่อดูรายละเอียดของก้อนมะเร็งและการลุกลามไปยังส่วนอื่น และอาจมีการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ (Biopsy) เพื่อยืนยันการวินิจฉัย

แนวทางการรักษา: การรักษามะเร็งหัวใจมีความซับซ้อนและขึ้นอยู่กับชนิด ขนาด และตำแหน่งของก้อนมะเร็ง รวมถึงสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย

  • การผ่าตัด: เป็นวิธีการรักษาหลักและเป็นความหวังเดียวในการรักษาให้หายขาด โดยมีเป้าหมายเพื่อผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

  • ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy): มักใช้ในกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือใช้ร่วมกับการรักษาอื่นๆ เพื่อควบคุมการเติบโตของเซลล์มะเร็ง

  • รังสีรักษา (Radiation Therapy): อาจใช้เพื่อลดขนาดของก้อนเนื้องอกหรือบรรเทาอาการในผู้ป่วยที่ไม่สามารถผ่าตัดได้

อย่างไรก็ตาม มะเร็งหัวใจชนิดปฐมภูมิมักไม่ค่อยตอบสนองต่อยาเคมีบำบัดและการฉายรังสีได้ดีนัก การพยากรณ์โรคจึงไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะหากตรวจพบในระยะลุกลาม

แม้ว่ามะเร็งหัวใจจะเป็นโรคที่พบได้ยาก แต่ก็เป็นภัยเงียบที่อันตราย ดังนั้น หากมีอาการผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับระบบหัวใจและหลอดเลือด ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะการตรวจพบโรคได้เร็วคือปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเพิ่มโอกาสการรักษา

บทความอื่นๆ