โรคภูมิแพ้ในเด็ก เกิดง่าย แต่ป้องกันได้

โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่พบได้มากในเด็ก โดยเฉพาะโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากการแพ้โปรตีนนมวัวหรืออาหาร ซึ่งสามารถเกิดได้หลายปัจจัย ได้แก่ การถ่ายทอดทางพันธุกรรม, การงดทานอาหารหรือทานอาหารชนิดใดมากเกินไประหว่างตั้งครรภ์, การให้อาหารเสริมเร็วหรือช้าเกินไป เป็นต้น หากได้รับการรักษาที่ถูกวิธีจะทำให้สามารถหายขาดได้ ส่วนใหญ่แล้วเกิดกับระบบทางเดินอาหาร ระบบผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ และทั่วตัว ซึ่งอาการทางระบบทางเดินอาหารและระบบผิวหนังจะพบได้บ่อยกว่า โดยคุณพ่อคุณแม่คอยหมั่นสังเกตอาการที่อาจะเกิดขึ้นกับลูก 

ระบบทางเดินอาหาร
  • อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายเหลว แบบเฉียบพลันไม่เกิน 2 ชม. หรือ ภายใน 2-24 ชม. หลังรับประทานอาหาร
  • บางรายมาด้วยโรคร้องสามเดือน (Infantile colic)
  • ถ่ายเหลวเป็นน้ำ มีมูกหรือเลือดปน อาการขาดสารอาหาร จากการดูดซึมสารอาหารทีผิดปกติจากภาวะแพ้อาหาร

ระบบผิวหนัง
  • ผื่นลมพิษ นูนเป็นปื้น อาการบวมที่ตา ริมฝีปาก มีอาการแพ้แบบเฉียบพลัน มักเกิดในเวลาไม่กี่นาทีหรือไม่เกิน 2 ชม. หลังรับประทานอาหารที่แพ้
  • ผื่นสากๆ คันตามบริเวณต่าง โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า แก้ม ข้อศอก ข้อพับ เข่า ซอกคอ และตามลำตัว ซึ่งอาจใช้เวลาหลายวัน หลายสัปดาห์กว่าจะเกิดอาการ
ระบบหายใจ
  • น้ำมูกไหล จาม คันตา น้ำตาไหล ไอ แน่นคอ หายใจไม่สะดวก หอบ ฟังปอดได้ยินเสียงวี๊ด
  • อาการแพ้รุนแรง (Anaphylaxis) เป็นอาการที่แพ้รุนแรงที่เกิดขึ้นได้ทั้งระบบทางเดินอาหาร ผิวหนัง ทางเดินหายใจ และระบบหัวใจหลอดเลือด ซึ่งจะมีอาการอย่างน้อย 2 ระบบ เช่น
  • มีผื่นลมพิษร่วมกับเหนื่อยหอบ แน่นหน้าอก หรือ ลมพิษร่วมกับอาการหมดสติจากความดันโลหิตต่ำหรือช็อค หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที มีอัตราการเสียชีวิตสูงมาก บางรายอาจต้องพกยาฉีดกู้ชีวิตฉุกเฉินไว้ตลอดเวลา   
   ทั้งนี้ อาการแสดงของโรคแพ้นมวัว แพ้อาหารในเด็ก อาจขึ้นอยู่กับชนิดของอาหารและลักษณะอาการที่แพ้ เช่น การแพ้นมวัวแบบลำไส้อักเสบจะดีขึ้นและหายแพ้หลังงดนมวัวอย่างน้อย 1 ปี การแพ้อาหารแบบผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โดยส่วนใหญ่ประมาณครึ่งหนึ่งจะดีขึ้นและหายจากการแพ้หลังอายุ 3 ปี ส่วนการแพ้อาหารแบบเฉียบพลันมักจะใช้เวลาในการหายช้ากว่าแบบค่อยเป็นค่อยไป ส่วนการแพ้ถั่วลิสงและอาหารทะเล อาจแพ้เป็นระยะเวลานานหรือแพ้ไปตลอดชีวิตได้            
 
จากประวัติ แพทย์จะขอให้จดบันทึกรายการอาหารและระยะเวลาที่เกิดอาการช่วงเวลา 1-2 สัปดาห์ เพื่อช่วยในการวินิจฉัย เพราะการเกิดปฏิกิริยาหลังรับประทานอาหารเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เช่น ชนิดของอาหารที่สงสัย ระยะเวลาหลังจากรับประทานอาหารจนเกิดอาการ ความรุนแรงของอาการ ประวัติอาการที่สงสัยแพ้อาหารนั้นๆมาก่อน หรือบางคนมีอาการเรื้อรัง เป็นๆหายๆ
การทำทดสอบทางผิวหนัง (Skin prick test) เป็นการทดสอบที่น่าเชื่อถือมากที่สุด โดยเฉพาะการแพ้แบบเฉียบพลัน เพราะสามารถสอดคล้องกับอาการได้ดีและวิธีการตรวจนี้เป็นวิธีที่นิยมที่สุด ต้องงดรับประทานยาแก้แพ้ทุกชนิดอย่างน้อย 10 วัน ก่อนทำการทดสอบ หรือหากรับประทานยากลุ่มอื่นเป็นประจำต้องปรึกษาแพทย์ก่อนนัดทำทดสอบเสมอ
การเจาะเลือด เพื่อตรวจหาแอนตี้บอดี้ต่ออาหารแต่ละชนิด เป็นการตรวจที่มีความแม่นยำและน่าเชื่อถือใกล้เคียงกับการทำทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง สำหรับวิธีนี้ใช้ในกรณีที่ไม่สามารถทำการทดสอบทางผิวหนังได้ เช่น คนที่มีประวัติการแพ้อย่างรุนแรง คนที่มีผื่นมากและไม่มีผิวหนังปกติมากพอในการทำทดสอบทางผิวหนัง หรือคนที่มีประวัติแพ้ถั่วลิสงชนิดรุนแรง (anaphylaxis) ที่มีอาการแพ้รุนแรงจากการทำทดสอบทางผิวหนัง
 
การป้องกันรักษาที่ถูกต้อง 
  • การหลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้และอาหารทุกชนิดที่มีส่วนผสมของอาหารที่แพ้
  • ต้องอ่านฉลากอาหารให้ชัดเจน หากไม่มั่นใจว่าอาหารชนิดใดมีส่วนประกอบที่แพ้หรือไม่ควรรีบปรึกษาแพทย์
  • กรณีแพ้รุนแรงต้องพกยากู้ชีวิต (Adrenaline/Epi-pen) ติดตัวไว้เสมอ เพื่อฉีดตนเองยามฉุกเฉิน
  • การรับประทานยาแก้แพ้ โดยไม่หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ อาจทำให้เกิดอาการแพ้ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และไม่หายจากอาการแพ้   
   ถึงแม้ว่าปัจจุบันโรคแพ้นมวัว แพ้อาหาร จะพบบ่อยมากขึ้นสำหรับเด็ก หากคุณพ่อคุณแม่สงสัยว่าลูกอาจเป็นโรคแพ้นมวัว แพ้อาหาร ควรรีบพามาหาหมอ เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง หากได้รับการรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการจะทำให้มีโอกาสหายขาดมาก แต่หากรอและมารับการรักษาช้าเกินไป โอกาสที่จะหายก็น้อยลงและอาจทำให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาได้

บทความอื่นๆ